นกแซงแซวหางปลา

จาก ฐานข้อมูลนกในพื้นที่ชุ่มน้ำในบางอำเภอเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี
Dicrurus macrocercus01.jpg

วงศ์ : Dicrurinae
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dicrurus macrocercus (Vieillot) 1817.
ชื่อสามัญ : Black drongo
ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่นๆ : -

มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dicrurus macrocercus ชื่อชนิดมาจากรากศัพท์ภาษากรีกคือ macr,-o หรือ makros แปลว่าใหญ่หรือยาว และ cerc,-o,=us แปลว่าหาง ความหมายคือ “นกที่มีหางขนาดใหญ่หรือมีหางยาว” พบครั้งแรกทางตอนใต้ของประเทศอินเดียทั่วโลกมี 7 ชนิดย่อย ประเทศไทยพบ 3 ชนิดย่อย คือ

  1. Dicrurus macrocercus albirictus (Hodgson) ชื่อชนิดย่อยมาจากรากศัพท์ภาษละตินคือ alb,-I,-id หรือ albus แปลว่าสีขาว และ rict หรือ rictus แปลว่ามุมปาก ความหมายคือ “บริเวณมุมปากเป็นสีขาว” พบครั้งแรกที่ประเทศเนปาล
  2. Dicrurus macrocercus cathoecus Swinhoe ยังไม่ทราบที่มาและความหมายของชื่อชนิดย่อยอาจมาจากคำว่า Catholic ซึ่งแปลว่าผู้นับถือศาสนาคริสต์ พบครั้งแรกทางตอนใต้ของประเทศจีน
  3. Dicrurus macrocercus thai Kloss ซึ่งชนิดย่อยดัดแปลงจากชื่อสถานที่ คือ ประเทศไทย พบครั้งแรกที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

กระจายพันธุ์ : ในอิหร่าน ปากีสถาน อินเดีย จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกาะไหหลำ ไต้หวัน และเกาะชวา

ลักษณะทั่วไป : เป็นนกขนาดเล็ก (28 ซม.) หางยาว 125-184 มม. ตัวเต็มวัยสีเป็นสีดำแต่อาจไม่เป็นมันเท่ากับนกแซงแซวอื่น ๆ หางเว้าลึก ปลายขนหางคู่นอกสุดโค้งขั้นเล็กน้อย ตัวไม่เต็มวัยมักมีลายเกล็ดสีขาวบริเวณขนปีกด้านล่าง อกตอนล่าง ท้อง และขนคลุมโคนขนหางด้านล่าง

อุปนิสัยและอาหาร : อาศัยอยู่ตามทุ่งโล่ง ทุ่งนาและบริเวณที่ใกล้แหล่งน้ำ ปกติในระดับพื้นราบ แต่อาจพบได้ในความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเลพบอยู่โดดเดี่ยว เป็นคู่หรือเป็นฝูง มักเกาะตามกิ่งไม้แห้ง หลัก ตอไม้ สายไฟฟ้า เสารั้ว และบางครั้งลงมายืนบนพื้นดิน อาหาร ได้แก่ แมลง มีพฤติกรรมการหาอาหารหลายแบบ เช่น เกาะตามสิ่งต่าง ๆ ตาคอยจ้องหาเหยื่อรอบตัว เมื่อพบจะบินโฉบจับด้วยปาก แล้วกลับมาเกาะที่เดิมเพื่อกลืนกินอาหาร แล้วจ้องหาเหยื่อต่อไปอีก หรืออาจบินลงมาบนพื้นดินแล้วใช้ปากจิกมดปลวก หรือแมลงตามโพรงดิน หรืออาจเกาะหรือกระโดดบนหลังวัวควาย หรือเกาะกับสิ่งต่างๆ ใกล้ๆ บริเวณที่วัวควายเดินผ่าน เพื่อจับแมลงที่กระโดดหนีเมื่อวัวควายเหยียบย่ำพื้นหญ้า หรือบินฉวัดเฉวียนกลางอากาศไล่โฉบจับแมลงเหนือบริเวณที่กำลังเกิดไฟไหม้ เป็นนกที่ก้าวร้าว และมีพฤติกรรมการป้องกันอาณาเขตอย่างแข็งขัน โดยเฉพาะบริเวณรัง มันจะบินโฉบเข้าโจมตีนกและสัตว์อื่นที่เข้าไปใกล้รังของมัน ทั้งนกขนาดใหญ่ เช่น อีกา เหยี่ยว หรือแม้แต่สุนัขก็จะถูกนกทั้งตัวผู้และตัวเมียช่วยกันโจมตีเพื่อป้องกันไข่และลูกอ่อน

การผสมพันธุ์ : ผสมพันธุ์ในช่วงฤดูร้อนต่อฤดูฝนระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม รังเป็นรูปถ้วยตื้น ๆ ประกอบด้วยกิ่งไม้เล็ก ๆ ต้นหญ้า ใบไม้ และเยื่อใยต่าง ๆ เชื่อมเข้าด้วยกันด้วยใยแมงมุม ทำรังตามต้นไม้ โดยวางรังตามง่ามซึ่งอาจจะอยู่เกือบปลายสุดของกิ่ง บางครั้งในต้นไม้ต้นเดียวกันอาจมีรังของนกชนิดอื่นอยู่ด้วย เช่น นกขมิ้น นกเขา นกปรอด เป็นต้น ซึ่งนกเหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อมัน และมันก็ไม่ก้าวร้าวกับนกเหล่านี้ รังมีไข่ 3-4 ฟอง

ไข่ : ไข่แต่ละฟองอาจแตกต่างกัน ส่วนใหญ่มีสีขาวหรือสีครีมแกมชมพู มีลายจุด ลายดอกดวงสีดำ และน้ำตาลแกมแดง ขนาดของไข่โดยเฉลี่ย 19.8x27.1 มม. ทั้งสองเพศช่วยกันทำรังฟักไข่ และเลี้ยงลูก 7-10 วัน บ่อยครั้งที่นกคัดคู รวมทั้งนกดุเหว่า จะใช้รังของนกแซงแซวหางปลาเป็นที่วางไข่ และปล่อยให้นกเจ้าขางรังฟักไข่ และเลี้ยงดูลูกอ่อนให้

สถานภาพ : เป็นนกประจำถิ่น นกอพยพผ่านและนกอพยพมาช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์ พบบ่อยและปริมาณมาก ชนิดย่อย albirictus เป็นนกอพยพ พบทางภาคเหนือ ชนิดย่อย cathoecus เป็นทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ พบทั่วไปยกเว้นภาคใต้ ชนิดย่อย thai เป็นนกประจำถิ่น พบทางภาคตะวันตก ภาคกลางภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคใต้ตอนบน

กฎหมาย : จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง


Dicrurus macrocercus02.jpg Dicrurus macrocercus03.jpg Dicrurus macrocercus04.jpg


แหล่งที่มาของภาพ
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/2/2a/Dicrurus_macrocercus.JPG
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/9f/Black_Drongo_(Dicrurus_macrocercus)-_Adult_with_Immature_at_Kolkata_I_IMG_9018.jpg
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/0/08/Dicrurus_macrocercus_-_Bueng_Boraphet.jpg
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/3/3d/Black_Drongo_(Dicrurus_macrocercus).jpg/1024px-Black_Drongo_(Dicrurus_macrocercus).jpg