ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นกกระเต็นหัวดำ"
แถว 2: | แถว 2: | ||
'''วงศ์''' : Halcyonidae<br> | '''วงศ์''' : Halcyonidae<br> | ||
'''ชื่อวิทยาศาสตร์''' : ''Halcyon pileata'' (Boddaert) 1783.<br> | '''ชื่อวิทยาศาสตร์''' : ''Halcyon pileata'' (Boddaert) 1783.<br> | ||
− | '''ชื่อสามัญ''' : Black-capped | + | '''ชื่อสามัญ''' : Black-capped kingfisher<br> |
− | '''ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่นๆ''' : | + | '''ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่นๆ''' : -<br><br> |
นกกระเต็นหัวดำมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ''Halcyon pileata'' ชื่อชนิดมาจากรากศัพท์ภาษาละตินคือ pile, -I, -o, =us แปลว่ากระหม่อมหรือหมวก และ –ta เป็นคำลงท้าย ความหมายคือ “นกที่กระหม่อมมีสีเด่นชัด” พบครั้งแรกที่ประเทศจีน | นกกระเต็นหัวดำมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ''Halcyon pileata'' ชื่อชนิดมาจากรากศัพท์ภาษาละตินคือ pile, -I, -o, =us แปลว่ากระหม่อมหรือหมวก และ –ta เป็นคำลงท้าย ความหมายคือ “นกที่กระหม่อมมีสีเด่นชัด” พบครั้งแรกที่ประเทศจีน |
รุ่นปรับปรุงเมื่อ 11:05, 17 ธันวาคม 2558
วงศ์ : Halcyonidae
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Halcyon pileata (Boddaert) 1783.
ชื่อสามัญ : Black-capped kingfisher
ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่นๆ : -
นกกระเต็นหัวดำมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Halcyon pileata ชื่อชนิดมาจากรากศัพท์ภาษาละตินคือ pile, -I, -o, =us แปลว่ากระหม่อมหรือหมวก และ –ta เป็นคำลงท้าย ความหมายคือ “นกที่กระหม่อมมีสีเด่นชัด” พบครั้งแรกที่ประเทศจีน
กระจายพันธุ์ : ในอินเดีย จีน เกาะไหหลำ ไต้หวัน เกาหลี เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หมู่เกาะอันดามัน หมู่เกาะนิโคบาร์ เกาะบอร์เนียว เกาะสุมาตรา เกาะสุลาเวชี และฟิลิปปินส์
ลักษณะทั่วไป : เป็นนกขนาดเล็ก (30 ซม.) ปากสีแดง หัวสีดำ ลำตัวด้านบนสีน้ำเงินเข้ม รอบคอสีขาว คอหอยและอกสีขาว ท้องสีน้ำตาลอมเหลืองขณะบินมองเผิน ๆ คล้ายกับนกกระเต็นอกขาว แต่ขนคลุมขนปีกด้านบนทั้งหมดเป็นสีดำ ตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะและสีสันเหมือนกัน
อุปนิสัยและอาหาร : อาศัยอยู่บริเวณใกล้กับลำธารในป่า ป่าชายเลน ชายฝั่งทะเล ชายแม่น้ำ และบริเวณทุ่งนา ส่วนใหญ่พบอยู่โดดเดี่ยว มีกิจกรรมในเวลากลางวัน มีอุปนิสัยคล้ายคลึงกับนกกระเต็นอกขาว แต่มักหากินตามแหล่งน้ำมากกว่าบนบก และไม่ค่อยส่งเสียงร้องบ่อยอย่างนกกระเต็นอกขาว อาหารส่วนใหญ่ ได้แก่ ปลา ปู และกบ บางครั้งกินแมลงและสัตว์ขนาดเล็ก เช่น กิ้งก่า แย้ เป็นต้น มันมีพฤติกรรมการหาอาหารเช่นเดียวกับนกกระเต็นอกขาว
การผสมพันธุ์ : ในประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานการทำรังวางไข่ของนกกระเต็นหัวดำ ซึ่งส่วนใหญ่ทำรังวางไข่ทางตอนเหนือของเอเชีย เช่น จีน พม่าตอนเหนือ รัฐอัสสัมในประเทศอินเดีย เป็นต้น อย่างไรก็ตามอาจมีนกกระเต็นหัวดำบางส่วนทำรังวางไข่ในประเทศไทย เพาะบางท้องที่สามารถพบนกกระเต็นหัวดำได้เกือบตลอดทั้งปี เช่น บริเวณลำห้วยขาแข้งจังหวัดอุทัยธานี เป็นต้น ลักษณะของรัง ไข่ และชีววิทยาการสืบพันธุ์ไม่น่าจะแตกต่างจากนกกระเต็นอกขาว แต่ไข่ของนกกระเต็นหัวดำอาจมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ทั้งนี้เพาะนกกระเต็นหัวดำมีขนาดใหญ่กว่านกกระเต็นอกขาว
สถานภาพ : นกกระเต็นหัวดำเป็นนกอพยพผ่านและนกอพยพมายังประเทศไทยช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์บางส่วนอาจเป็นนกประจำถิ่น พบบ่อยและปริมาณปานกลางทั่วทุกภาค
กฎหมาย : จัดนกกระเต็นหัวดำเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง