ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นกยางโทนใหญ่"
แถว 1: | แถว 1: | ||
− | + | [[ไฟล์:Casmerodius_albus01.jpg|right]] | |
'''วงศ์''' : Ardeidae <br> | '''วงศ์''' : Ardeidae <br> | ||
'''ชื่อวิทยาศาสตร์''' : ''Casmerodius albus'' (Linnaeus) 1758. <br> | '''ชื่อวิทยาศาสตร์''' : ''Casmerodius albus'' (Linnaeus) 1758. <br> | ||
แถว 23: | แถว 23: | ||
'''กฎหมาย''' : จัดนกยางโทนใหญ่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง | '''กฎหมาย''' : จัดนกยางโทนใหญ่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง | ||
---- | ---- | ||
+ | [[ไฟล์:Casmerodius_albus02.jpg]] [[ไฟล์:Casmerodius_albus03.jpg]] [[ไฟล์:Casmerodius_albus04.jpg]] | ||
+ | ---- | ||
+ | '''แหล่งที่มาของภาพ'''<br> | ||
+ | https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/4/43/Great_Egret_(Casmerodius_albus)-_Non-breeding_plumage_in_Kolkata_W2_IMG_4341.jpg<br> | ||
+ | https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/f/fe/Little_Egret_(Egretta_garzetta)_with_Great_Egret_(Casmerodius_albus)_W_IMG_9999.jpg/640px-Little_Egret_(Egretta_garzetta)_with_Great_Egret_(Casmerodius_albus)_W_IMG_9999.jpg<br> | ||
+ | https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/3/3e/Ardea_alba_-chicks_and_nest_-Morro_Bay_Heron_Rookery_-8.jpg<br> | ||
+ | https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/97/Grey_Herons_(Ardea_cinerea)_with_Great_Egrets_(Casmerodius_albus)-_Resting_%26_Taking_off_at_Kolkata_I_IMG_6122.jpg<br> |
รุ่นปัจจุบัน เมื่อ 14:13, 25 มกราคม 2559
วงศ์ : Ardeidae
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Casmerodius albus (Linnaeus) 1758.
ชื่อสามัญ : Great egret
ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่นๆ : Large egret , Common egret , Great white egret , White egret
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Casmerodius albus ชื่อชนิดมาจากรากศัพท์ภาษาละตินคือ alb, -I, -id หรือ albus แปลว่าสีขาว ความหมายคือ “นกยางที่มีสีขาว” พบครั้งแรกที่ประเทศสวีเดน ทั่วโลกมี 5 ชนิดย่อยประเทศไทยพบ 1 ชนิดย่อยคือ Casmerodius albusmodestus (J.E. Gray) ชื่อชนิดย่อยมาจากคำในภาษาละตินคือ modestus หรือ modest ซึ่งแปลว่าทุ่งราบ ความหมายคือ “นกยางสีขาวที่พบตามทุ่งราบ” พบครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย
กระจายพันธุ์ : เกือบทั่วโลก ในทวีปเอเชียพบในอินเดีย พม่า ไทย จีน ไต้หวัน เกาะไหหลำ หมู่เกาะอันดามัน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ลักษณะทั่วไป : เป็นนกขนาดใหญ่ (87 – 90 ซม.) จัดเป็นนกยางสีขาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ปากยาวตรงลำคอยาวมาก ขณะหันคอไปทางด้านข้างหรือด้านหลังเพื่อหาอาหาร บริเวณตรงกลางคอมักขมวดเป็นปม ปีกยาวประมาณ 33.7 ซม. ปลายปีกมน ขาค่อนข้างยาวนิ้วยาว ขนปกคลุมลำตัวทั้งหมดเป็นสีขาว ช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์ปากสีเหลือง ปลายปากสีเทาเล็กน้อย ผิวหนังบริเวณใบหน้ามีสีเหลืองแกมเขียว แข้งและนิ้วสีดำ ช่วงฤดูผสมพันธุ์ปากสีดำ บางตัวบริเวณโคนเป็นสีเหลือง ผิวหนังบริเวณใบหน้าเป็นสีน้ำเงินหรือน้ำแกมเขียว แข้งอาจเปลี่ยนเป็นสีแดง บางตัวเป็นสีเขียวมีขนละเอียดสีขาวแตกเป็นฝอยตั้งแต่บริเวณกลางหนังจนถึงตะโพก ขนนี้จะหลุดร่วงไปเมื่อสิ้นสุดฤดูผสมพันธุ์ และจะไม่ปรากฏในนกตัวไม่เต็มวัยไม่ว่าจะเป็นฤดูใดก็ตาม
อุปนิสัยและอาหาร : หากินในเวลากลางวันตามแหล่งน้ำทั่วไป เช่น บึง หนอง ทุ่งนา อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ เป็นต้น และบริเวณชายเลน พบอยู่โดดเดี่ยว จึงได้ชื่อว่า “นกยางโทน” ซึ่งหมายถึงตัวเดียว แต่ก็พบมันหากินรวมกันเป็นฝูงบ่อยครั้งมาก มันสามารถเกาะกิ่งไม้ได้ดี และบินได้เร็วพอประมาณ ขณะบินคอจะพับเป็นรูปตัวเอส ขาเหยียดตรงพ้นปลายหาง
การผสมพันธุ์ : นกยางโทนใหญ่ผสมพันธุ์ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน ทำรังเป็นกลุ่มตามต้นไม้ และอาจอยู่รวมกับนกหลายชนิด เช่น นกกาน้ำเล็ก นกยางกรอกพันธุ์ชวา นกยางควาย นกยางเปีย นกแขวก นกกระสาแดง เป็นต้น รังเป็นแบบง่าย ๆ ทั้งสองเพศจะช่วยกันหาวัสดุและสร้างรังโดยนำกิ่งไม้หรือกิ่งไผ่มาซ้อนกันหลายชั้น แล้วทำแอ่งตรงกลาง อาจมีใบหญ้าหรือใบไม้สดวางในแอ่งเพื่อรองรับไข่ ในช่วงแรกรังมีเส้นผ่านศูนย์กลางขอบนอก 50 – 60 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลางขอบใน 30 – 40 ซม. แอ่งตรงกลางลึก 15 – 20 ซม. ต่อมารังอาจหนาขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมันจะเสริมรังเมื่อวัสดุเก่าผุพังลงหรือเมื่อมีจำนวนไข่เพิ่มขึ้น
ไข่ : เป็นรูปรี สีเขียวอ่อนเกือบเป็นสีขาว มีผงสีขาวคล้ายผงชอล์กปกคลุมเล็กน้อย มีขนาดเฉลี่ย 42.4 x 60.3 มม. รังมีไข่ 3 – 5 ฟอง ทั้งสองเพศผลัดกันฟักไข่ตั้งแต่ฟองแรก ใช้เวลาฟักไข่ 25 – 28 วัน ลูกนกจะเจาะเปลือกไข่ออกมาเองโดยใช้ฟันเจาะเปลือกไข่ ลูกนกแรกเกิดมีรูปร่างเทอะทะ หัวและท้องใหญ่ ลำตัวด้านบนมีขนอุยเล็กน้อย ผิวหนังบริเวณที่ไม่มีขนอุยเป็นสีน้ำตาล เมื่อลูกนกอายุได้ 2 – 3 สัปดาห์ จะเริ่มมีขนขึ้นตามลำตัว ยกเว้นลำตัวด้านล่าง อายุ 5 – 6 สัปดาห์มีขนเต็มตัว สีสันคล้ายตัวเต็มวัย ปากเป็นสีเหลืองซีด ขาเป็นสีเทา อายุ 7 – 8 สัปดาห์ลูกนกจะบินได้แข็งแรง บางตัวสามารถแยกจากพ่อแม่ไปหากินเองได้
ลูกนก : ลูกนกแรกเกิดยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พ่อแม่ต้องคอยช่วยเหลือด้วยการกก ป้องกันอันตราย และหาอาหารมาป้อน พ่อแม่จะป้อนอาหารด้วยการสำรอกอาหารที่ย่อยบางส่วนใส่ปากลูกนกซึ่งอ้าปากรอรับอาหารเหมือนจะงับปากพ่อแม่ เมื่อลูกนกโตพอประมาณ พ่อแม่จะสำรอกอาหารไว้ที่พื้นรังให้ลูกนกจิกกันเอง พ่อแม่จะคอยผลัดเปลี่ยนกันไปหาอาหารมาป้อนลูกนกโดยขณะที่ตัวใดตัวหนึ่งไปหาอาหาร อีกตัวหนึ่งจะอยู่ในรังกกลูกและคอยป้องกันอันตรายจากศัตรู ซึ่งอาจเป็นนกหรือสัตว์อื่น เช่น อีกา เหยี่ยว ตะกวด เป็นต้น
สถานภาพ : เป็นนกประจำถิ่น พบบ่อยและปริมาณปานกลางทั่วทุกภาค และอาจมีบางส่วนเป็นนกอพยพมาในช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งในช่วงนี้จะพบได้บ่อยและปริมาณมากขึ้น
กฎหมาย : จัดนกยางโทนใหญ่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
แหล่งที่มาของภาพ
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/4/43/Great_Egret_(Casmerodius_albus)-_Non-breeding_plumage_in_Kolkata_W2_IMG_4341.jpg
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/f/fe/Little_Egret_(Egretta_garzetta)_with_Great_Egret_(Casmerodius_albus)_W_IMG_9999.jpg/640px-Little_Egret_(Egretta_garzetta)_with_Great_Egret_(Casmerodius_albus)_W_IMG_9999.jpg
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/3/3e/Ardea_alba_-chicks_and_nest_-Morro_Bay_Heron_Rookery_-8.jpg
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/97/Grey_Herons_(Ardea_cinerea)_with_Great_Egrets_(Casmerodius_albus)-_Resting_%26_Taking_off_at_Kolkata_I_IMG_6122.jpg