ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นกกินแมลงป่าอกสีน้ำตาล"

จาก ฐานข้อมูลนกในพื้นที่ชุ่มน้ำในบางอำเภอเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี
(สร้างหน้าว่าง)
 
แถว 1: แถว 1:
  
 +
'''วงศ์''' : Pellorneum Swainson <br>
 +
'''ชื่อวิทยาศาสตร์''' : ''Pellorneum tickelli'' (Blyth), 1859.<br>
 +
'''ชื่อสามัญ''' : Buff-breasted Babbler<br>
 +
'''ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่นๆ''' : Buff-throated Babbler , Tickell's Jungle Babbler , Tickell's Babbler<br><br>
 +
 +
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ''Pellorneum tickelli''  ชื่อชนิดมาจากชื่อของพันเอก Samuel Richard Tickell (ค.ศ.1811-1875) นักการทหารชางอังกฤษประจำประเทศอินเดียและพม่า นักปักษีวิทยา นักเขียน และนักศิลปะ  พบครั้งแรกที่ประเทศพม่า  ทั่วโลกมี 7 ชนิดย่อย  ประเทศไทยพบ 2 ชนิดย่อยคือ Pellorneum tickelli tickelli Blyth  ที่มาของชื่อชนิดย่อยเช่นเดียวกับชนิด  และ Pellorneum tickelli fulvum (Walden)  ชื่อชนิดย่อยมาจากรากศัพท์ภาษาละตินคือ fulv หรือ flavus แปลว่าสีน้ำตาลหรือน้ำตาลแกมเหลือง  ความหมายคือ "มีสีน้ำตาลหรือน้ำตาลแกมเหลือง"  พบครั้งแรกที่ประเทศพม่า
 +
 +
'''กระจายพันธุ์''' : ตั้งแต่รัฐอัสสัม จีนด้านตะวันตกเฉียงใต้ เอเซียตะวันตกเฉียงใต้ และเกาะสุมาตรา
 +
 +
'''ลักษณะทั่วไป''' : เป็นนกขนาดเล็กมาก (15 ซม.) สันขากรรไกรบนสั้นกว่า 18 มม.  ปีกยาวน้อยกว่า 70 มม.  ตาสีน้ำตาลแกมแดง  ลำตัวด้านบนและหัวด้านข้างสีน้ำตาลแกมเหลือง  ลำตัวด้านล่างสีเหลืองโดยคอหอยสีจางกว่า  ท้องสีขาว  สีข้างสีน้ำตาลแกมเขียว
 +
 +
'''อุปนิสัยและอาหาร''' : พบตั้งแต่ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบแล้ง ป่าดงดิบชื้น ป่าดงดิบเขา ป่าไผ่ และป่ารุ่น  แต่ส่วนใหญ่พบในบริเวณที่มีไม้พื้นล่างหนาแน่น  ตั้งแต่พื้นราบจนกระทั่งความสูง 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล  มักพบอยู่เป็นคู่  หากินแมลงตามพื้นดินด้วยการใช้ปากพลิกใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นตามพื้นดิน  เมื่อพบเหยื่อก็ใช้ปากจิกกิน  เมื่อมีสิ่งรบกวนจะใช้วิธีกระโดดเข้าไปหลบในพุ่มไม้ที่รกทึบ จะบินก็ต่อเมื่อจวนตัวเท่านั้น
 +
 +
'''การผสมพันธุ์''' : ผสมพันธุ์ในช่วงฤดูร้อนต่อฤดูฝนระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายน  ทำรังเป็นรูปทรงกลมหรือกึ่งทรงกลมคล้ายรังของพวกนกจาบดิน  แต่จะมีขนาดเล็กและแน่นกว่า  วัสดุที่ใช้ทำรังประกอบด้วยใบไผ่และใบหญ้า รองพื้นรังด้วยใบหญ้าที่ฉีกละเอียด  รังอยู่ตามฟื้นดิน พุ่มไม้ หรือกอไผ่ที่มักสูงจากพื้นดินไม่เกิน 30 ซม.  มักพบอยู่ใกล้ลำธาร  รังมีไข่ 3 หรือ 4 ฟอง 
 +
 +
'''ไข่''' : สีเทาแกมเขียวอ่อน มีลายขีด หรือลายดอกเล็ก ๆ สีน้ำตาลแกมแดงหรือน้ำตาลแกมเขียว  ขนาดของไข่โดยเฉลี่ย 15.7x19.9 มม.  ทั้งสองเพศช่วยกันทำรัง ฟักไข่ และเลี้ยงดูลูกอ่อน  ยังไม่ทราบระยะเวลาฟักไข่และเลี้ยงดูลูกอ่อน
 +
 +
'''สถานภาพ''' : เป็นนกประจำถิ่น  พบบ่อยและปริมาณปานกลาง  ชนิดย่อย fulvum พบทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตกเฉียงเหนือ  ชนิดย่อย tickelli พบทางภาคตะวันตกและภาคใต้
 +
 +
'''กฎหมาย''' : จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
 +
----

รุ่นปรับปรุงเมื่อ 07:56, 9 ธันวาคม 2558

วงศ์ : Pellorneum Swainson
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pellorneum tickelli (Blyth), 1859.
ชื่อสามัญ : Buff-breasted Babbler
ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่นๆ : Buff-throated Babbler , Tickell's Jungle Babbler , Tickell's Babbler

มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pellorneum tickelli ชื่อชนิดมาจากชื่อของพันเอก Samuel Richard Tickell (ค.ศ.1811-1875) นักการทหารชางอังกฤษประจำประเทศอินเดียและพม่า นักปักษีวิทยา นักเขียน และนักศิลปะ พบครั้งแรกที่ประเทศพม่า ทั่วโลกมี 7 ชนิดย่อย ประเทศไทยพบ 2 ชนิดย่อยคือ Pellorneum tickelli tickelli Blyth ที่มาของชื่อชนิดย่อยเช่นเดียวกับชนิด และ Pellorneum tickelli fulvum (Walden) ชื่อชนิดย่อยมาจากรากศัพท์ภาษาละตินคือ fulv หรือ flavus แปลว่าสีน้ำตาลหรือน้ำตาลแกมเหลือง ความหมายคือ "มีสีน้ำตาลหรือน้ำตาลแกมเหลือง" พบครั้งแรกที่ประเทศพม่า

กระจายพันธุ์ : ตั้งแต่รัฐอัสสัม จีนด้านตะวันตกเฉียงใต้ เอเซียตะวันตกเฉียงใต้ และเกาะสุมาตรา

ลักษณะทั่วไป : เป็นนกขนาดเล็กมาก (15 ซม.) สันขากรรไกรบนสั้นกว่า 18 มม. ปีกยาวน้อยกว่า 70 มม. ตาสีน้ำตาลแกมแดง ลำตัวด้านบนและหัวด้านข้างสีน้ำตาลแกมเหลือง ลำตัวด้านล่างสีเหลืองโดยคอหอยสีจางกว่า ท้องสีขาว สีข้างสีน้ำตาลแกมเขียว

อุปนิสัยและอาหาร : พบตั้งแต่ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบแล้ง ป่าดงดิบชื้น ป่าดงดิบเขา ป่าไผ่ และป่ารุ่น แต่ส่วนใหญ่พบในบริเวณที่มีไม้พื้นล่างหนาแน่น ตั้งแต่พื้นราบจนกระทั่งความสูง 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล มักพบอยู่เป็นคู่ หากินแมลงตามพื้นดินด้วยการใช้ปากพลิกใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นตามพื้นดิน เมื่อพบเหยื่อก็ใช้ปากจิกกิน เมื่อมีสิ่งรบกวนจะใช้วิธีกระโดดเข้าไปหลบในพุ่มไม้ที่รกทึบ จะบินก็ต่อเมื่อจวนตัวเท่านั้น

การผสมพันธุ์ : ผสมพันธุ์ในช่วงฤดูร้อนต่อฤดูฝนระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายน ทำรังเป็นรูปทรงกลมหรือกึ่งทรงกลมคล้ายรังของพวกนกจาบดิน แต่จะมีขนาดเล็กและแน่นกว่า วัสดุที่ใช้ทำรังประกอบด้วยใบไผ่และใบหญ้า รองพื้นรังด้วยใบหญ้าที่ฉีกละเอียด รังอยู่ตามฟื้นดิน พุ่มไม้ หรือกอไผ่ที่มักสูงจากพื้นดินไม่เกิน 30 ซม. มักพบอยู่ใกล้ลำธาร รังมีไข่ 3 หรือ 4 ฟอง

ไข่ : สีเทาแกมเขียวอ่อน มีลายขีด หรือลายดอกเล็ก ๆ สีน้ำตาลแกมแดงหรือน้ำตาลแกมเขียว ขนาดของไข่โดยเฉลี่ย 15.7x19.9 มม. ทั้งสองเพศช่วยกันทำรัง ฟักไข่ และเลี้ยงดูลูกอ่อน ยังไม่ทราบระยะเวลาฟักไข่และเลี้ยงดูลูกอ่อน

สถานภาพ : เป็นนกประจำถิ่น พบบ่อยและปริมาณปานกลาง ชนิดย่อย fulvum พบทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ชนิดย่อย tickelli พบทางภาคตะวันตกและภาคใต้

กฎหมาย : จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ----