ตะแบกนา

จาก ฐานข้อมูลพืชสมุนไพรในศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาท่าเพชรจังหวัดสุราษฎร์ธานี
Tabaekna.png

วงศ์ : Lythraceae
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lagerstroemia floribunda Jack
ชื่อสามัญ : Thai crape myrtle, Ta back na
ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่นๆ : กระแบก, ตะแบกไข่, ตราแบกปรี้, เปื๋อยด้อง, เปื๋อยนา, เปื๋อยหางค่าง, บางอตะมะกอ

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น : ไม้ยืนต้นประเภทผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีลำต้นความสูงประมาณ 15-30 เมตร ลำต้นแตกกิ่งแขนงบนเรือนยอด มีทรงพุ่มเป็นรูประฆัง กิ่งแขนงมีปานกลาง แต่มีใบใหญ่ และดก ทำให้แลเป็นทรงพุ่มหนา โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน โคนลำต้นของต้นที่โตเต็มที่มีลักษณะค่อนข้างเป็นพูพอน และเป็นร่องลึกล้อมรอบลำต้น ซึ่งเป็นร่องยาวสูงจนถึงประมาณกลางลำต้น ส่วนลำต้นส่วนปลายไม่เกิดเป็นร่อง เปลือกลำต้นค่อนข้างบาง มีสีขาวอมเหลือง และเป็นหลุมตื้นๆกระจายทั่ว ซึ่งเกิดจากผิวด้านนอกแตกสะเก็ดหลุดออก แต่ผิวลำต้นเรียบเนียน และสากมือบริเวณขอบหลุม เปลือกลำต้นชั้นในเป็นสีแดงม่วง ส่วนกิ่งแขนงย่อยมีขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นเหลี่ยม สีน้ำตาล
ใบ : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามกันบนกิ่งแขนงย่อยหรืออาจออกเยื้องตรงข้ามกันเล็กน้อย ประกอบด้วยก้านใบสั้น 5-7 มิลลิเมตร แผ่นใบมีรูปไข่หรือรูปหอก กว้างประมาณ 5-8 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร โคนใบมนกว้าง ปลายใบมีติ่งแหลม แผ่นใบค่อนข้างหนา และเหนียว แผ่นใบ และขอบใบเรียบ ใบอ่อนมีสีม่วงแดง และมีขนสั้นๆปกคลุม ใบแก่มีสีเขียวสด และเป็นมัน ส่วนแผ่นใบด้านล่างมีสีอ่อนกว่า แผ่นใบมีเส้นกลางใบสีเขียวอมเหลืองขนาดใหญ่ชัดเจน และมีเส้นแขนงใบเรียงเป็นคู่ๆ ปลายเส้นแขนงใบจรดขอบใบ
ดอก : ดอกเป็นช่อแขนง (panicle) บริเวณปลายยอดกิ่ง แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยประมาณ 20-25 ดอก เรียงกันจนจรดปลายช่อดอก ดอกย่อยแต่ละดอกมีรูปร่างแบบรูปปากเปิด (bilabiate) เส้นผ่าศูนย์กลางดอกขณะบานเต็มที่ประมาณ 3-3.5 เซนติเมตร ประกอบด้วยกลีบเลี้ยง จำนวน 6 กลีบ เชื่อมกันเป็นรูปถ้วย ถัดมาเป็นกลีบดอก จำนวน 6 กลีบ มีขนาดยาวประมาณ 1-1.2 เซนติเมตร กว้างประมาณ 0.8-1 เซนติเมตร แผ่นกลีบดอก และขอบกลีบดอกย่น มีสีม่วง หรือม่วงอมชมพูหรือสีขาว ปลายกลีบดอกแยกเป็น 5-6 กลีบ โคนกลีบคอดเป็นก้านกลีบ ถัดมาด้านในเป็นเกสรตัวผู้มีจำนวนมาก มีอับเรณูสีเหลือง ก้านเกสรตัวผู้ยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ส่วนเกสรตัวเมียมี 1 อัน ก้านเกสรยาวประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ส่วนรังไข่มี 1 อัน ที่อยู่บริเวณฐานดอก รังไข่เป็นแบบรูปไข่เหนือวงกลีบ
ผล : ผลตะแบกมีรูปค่อนข้างกลม ผลสดมีเปลือกหุ้มสีเขียว และหนา เมื่อแก่ เปลือกผลจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และเป็นแบบผลแห้งแตก (capsule) ยาวประมาณ 1.3-1.5 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1.5-1.7 เซนติเมตร ผิวแข็ง ผลแตกตามยาว 5-6 พู ส่วนด้านในเป็นเมล็ด จำนวนมาก ขนาดเมล็ดยาวประมาณ 1.3-1.5 เซนติเมตร กว้างประมาณ 0.5-0.7 เซนติเมตร เมล็ดรูปร่างแบบรี มีปีก เปลือกเมล็ดมีสีน้ำตาล ทั้งนี้ ผลตะแบกจะเริ่มติดหลังดอกบานแล้วประมาณ 1 เดือน และผลเริ่มแห้งในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม และบางผลจะเริ่มปริแตก ปล่อยให้เมล็ดร่วงลงดินไปพร้อมกัน
การขยายพันธุ์  : วิธีการเพาะเมล็ด

สรรพคุณ

1. ดอก (ต้มดื่ม) แก้ท้องเสีย ช่วยบำรุงเลือด บำรุงร่างกาย
2. ดอก (บดใช้ภายนอกหรือต้มอาบ) ช่วยรักษาบาดแผล ช่วยห้ามเลือด แก้โรคผิวหนัง รักษาผดผื่นคัน
3. เปลือก และแก่นลำต้น (ต้มดื่ม) บรรเทาอาการไข้หวัด แก้มูกเลือด ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ท้องร่วง แก้โรคบิด ช่วยแก้พิษ แก้ลงแดง แก้พิษสารเสพติด
4. เปลือก และแก่นลำต้น (ต้มน้ำอาบ) รักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อจากเชื้อรา รักษาผดผื่นคัน แก้ไข แก้ท้องเสีย
5. ราก แก้อาการปวดเมื่อยร่างกาย แก้แผลในปากและคอ
6. ขอนดอกหรือแก่นดำ (ต้มดื่ม) ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงปอด บำรุงตับ ใช้เป็นยาแก้วิงเวียนศรีษะ หน้ามืด ตาลาย ช่วยแก้พิษไข้ ช่วยขับเสมหะ
7. ใบ ยอดอ่อนรับประทานเป็นผักสด ต้มหรือชงแก้เบาหวาน ขับปัสสาวะ
8. เมล็ด แก้เบาหวาน นอนไม่หลับ
9. แก่น แก้โรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ

Tabaekna1.png Tabaekna2.png Tabaekna3.png Tabaekna4.png

แหล่งที่มาของภาพ
http://www.qsbg.org/database/botanic_book%20full%20option/Picture/jackth/DSC_7531.JPG
http://www.qsbg.org/database/botanic_book%20full%20option/Picture/jackth/DSC_7564.JPG
https://cholaeschool.ac.th/images/Flower/Lagerstroemia.jpg
https://adeq.or.th/wp-content/uploads/2016/07/1-20.jpg
http://www.qsbg.org/database/botanic_book%20full%20option/Picture/jackth/6749.jpg