ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กระเจี๊ยบแดง"
(สร้างหน้าด้วย "ภาพ:Hibiscus_sabdariffa_L.jpg<br/><br/> '''วงศ์''' MALVACEAE <br/> '''ชื่อวิทยาศาสตร์''' ''Hibiscus sabda...") |
ล (ล็อก "กระเจี๊ยบแดง" ([แก้ไข=อนุญาตเฉพาะผู้ดูแลระบบ] (ไม่มีกำหนด) [เปลี่ยนชื่อ=อนุญาตเฉพาะผู้...) |
(ไม่แตกต่าง)
|
รุ่นปัจจุบัน เมื่อ 09:40, 10 พฤศจิกายน 2558
วงศ์ MALVACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa Linn.
ชื่อสามัญ Roselle
ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่นๆ กระเจี๊ยบเปรี้ยว, ผักเก็งเค็ง, ส้มเก็งเค็ง, ส้มตะเลงเครง, ส้มพม่า
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่ม สูง 50-180 ซม. มีหลายพันธุ์ ลำต้นสีม่วงแดง ใบเดี่ยว รูปฝ่ามือ 3 หรือ 5 แฉก กว้างและยาวใกล้เคียงกัน 8-15 ซม. ดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบ กลีบดอกสีชมพูหรือเหลืองบริเวณกลางดอกสีม่วงแดง เกสรตัวผู้เชื่อมกันเป็นหลอด ผลเป็นผลแห้ง แตกได้ มีกลีบเลี้ยงสีแดงฉ่ำน้ำหุ้มไว้
ประโยชน์ด้านอาหาร ยอดอ่อนนิยมนำมาแกงส้ม ให้รสเปรี้ยว น้ำกระเจี๊ยบแดง มีรสเปรี้ยว นำมาต้มกับน้ำ เติมน้ำตาล ดื่มแก้ร้อนใน กระหายน้ำ และยังนำมาทำขนมเยลลี่ แยม หรือใช้เป็นสารแต่งสี
สรรพคุณทางยา
- ใบ แก้โรคพยาธิตัวจี๊ด ยากัดเสมหะ แก้ไอ ขับเมือกมันในลำคอ ให้ลงสู่ทวารหนัก
- ดอก แก้โรคนิ่วในไต แก้โรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด กัดเสมหะ ขับเมือกในลำไส้ให้ลงสู่ทวารหนัก
- ผล ลดไขมันในเส้นเลือด แก้กระหายน้ำ รักษาแผลในกระเพาะ เมล็ด บำรุงธาตุ บำรุงกำลัง แก้ดีพิการ ขับปัสสาวะ ลดไขมันในเส้นเลือด
- กระเจี๊ยบแดงสามารถนำไปทำเป็นเครื่องดื่มแก้กระหายได้ นอกจากนี้น้ำกระเจี๊ยบสามารถใช้ทดสอบสารอาหารที่มีโปรตีนได้ โดยอัตราส่วน 1:2 ซึ่งสีแดงของน้ำกระเจี๊ยบจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงหรือสีอื่น
เพาะขยายพันธุ์ โดยการใช้เมล็ด ควรปลูกในหน้าฝน พรวนดินก่อนปลูก ขุดหลุมปลูกหลุมละ 2-3 เมล็ด ระยะห่างของหลุมประมาณ ½-1 เมตร พอต้นอ่อนงอกออกมาแล้ว ให้ถอนต้นที่อ่อนแอกว่าออกไปเอาต้นที่แข็งแรงไว้ รดน้ำ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน กำจัดวัชพืชออกให้หมด