นกจับแมลงจุกดำ
วงศ์ : Monarchidae
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hypothymis azurea (Boddaert), 1783.
ชื่อสามัญ : Black-naped Monarch
ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่นๆ : Black-naped Monarch-Flycatcher, Black-naped Blue Monarch
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hypothymis azurea ชื่อชนิดเป็นคำในภาษาละตินสมัยกลางคือ azureus แปลว่าสีฟ้าสด ความหมายคือ “นกที่มีสีฟ้าสด” พบครั้งแรกที่ประเทศฟิลิปปินส์ทั่วโลกมี 19 ชนิดย่อย ประเทศไทยพบ 3 ชนิดย่อย คือ
- Hypoythymis azurea montana Riley ชื่อชนิดย่อยมาจากรากศัพท์ภาษาละตินคือ montanus (mont, -an, -ri) แปลว่าภูเขา ความหมายคือ “นกที่พบบริเวณที่สูง” พบครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่
- Hypothymis azurea galerita (Deignan) ชื่อชนิดย่อยมาจากรากศัพท์ภาษาละตินคือ galer แปล ว่ากระหม่อม และ -ta เป็นคำลงท้าย ความหมายคือ “บริเวณกระหม่อมมีลักษณะเด่น” พบครั้งแรกที่จังหวัดตราด
- Hypothymis azurea prophata Oberholser ไม่ทราบที่มาและความหมายของชื่อชนิดย่อย พบครั้งแรกที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย
กระจายพันธุ์
ในอินเดีย จีนตอนใต้ เอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ เกาะไหหลำ ไต้หวัน เกาะสุมาตรา และเกาะบอร์เนียว
ลักษณะทั่วไป
เป็นนกขนาดเล็ก (17 ซม.) หางยาวเรียว รูปร่างโดยทั่วไปคล้ายคลึงกับพวกนกอีแพรด ตัวผู้ลำตัวส่วนใหญ่เป็นสีน้ำเงิน มีจุดกลมสีดำบริเวณใกล้ท้ายทอย อกมีลายพาดแคบ ๆ สีดำ ท้องและขนคลุมโคนขนหางด้านล่างสีขาว ตัวเมียลักษณะคล้ายตัวผู้ แต่ไม่มีจุดสีดำบริเวณใกล้ท้อยทอยและสีดำที่เป็นลายพาดที่คอ อกสีออกเทา ลำตัวด้านบนสีน้ำตาลแกมเทา
อุปนิสัยและอาหาร
อาศัยอยู่ตามป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบ และป่ารุ่น ตั้งแต่พื้นราบจนกระทั่งความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ช่วงฤดูอพยพอาจพบได้ในสวนผลไม้และป่าชายเลน มักพบอยู่โดดเดี่ยวหรือเป็นคู่ และอาจพบอยู่รวมกับนกขนาดเล็กอีกหลายชนิด อาศัยและหากินตามกิ่งไม้ในระดับสูงเมื่อเทียบกับนกจับแมลงอื่น ๆ แต่อาจพบได้ตามพุ่มไม้และไม้พื้นล่าง เป็นนกที่ไม่ค่อยหยุดนิ่งกับที่มักเคลื่อนไหวไปตามกิ่งไม้ด้วยการกระโดดหรือบิน ขณะเกาะตามปกติจะยกหางขึ้นเล็กน้อย และแผ่ขนหางออกบางส่วนคล้ายพวกนกอีแพรด อาหาร ได้แก่ แมลง โดยการโฉบจับกลางอากาศใกล้ที่เกาะ หรือจิกกินตามกิ่งและลำต้นของต้นไม้ บางครั้งลงมาจิกกินบนพื้นดิน
การผสมพันธุ์
ผสมพันธุ์ในช่วงฤดูร้อนและต้นฤดูฝนระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคม รังเป็นรูปถ้วยหรือรูปกรวยหงาย บางรังบริเวณก้นรังแหลมคล้ายหางยืนยาว ประกอบด้วยหญ้า เปลือกไม้ วัสดุ เส้นใย มอส อัดและเชื่อมกันด้วยใยแมงมุม และอาจมีพวกมอสมาเสริมขอบนอกของรังทำให้รังหนาขึ้น รองพื้นด้วยใบหญ้าละเอียด รังอยู่ตามกิ่งของไม้ต้นหรือไม้พุ่ม โดยเชื่อมรั้งติดกับกิ่งไม้ด้วยวิธีเดียวกับการสร้างรัง ความกว้างปากรังด้านนอก 77.62 มม. ปากรังด้านใน 58.32 มม. และความลึกของรังภายใน 39.24 มม. ปกติรังอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 3-4 เมตร แต่อาจพบได้ในความสูงเพียง 60 ซม. หรือสูงเกินกว่า 9 เมตร
ไข่
รังมีไข่ 3-4 ฟอง ไข่มีรูปร่างกลมรีสีขาวแกมสีครีม มีลายดอกดวง และลายจุดสีน้ำตาล โดยเฉพาะไข่ด้านป้าน ขนาดของไข่โดยเฉลี่ย 13.3x17.6 มม. ทั้งสองเพศช่วยกันทำรัง ฟักไข่ โดยใช้เวลาฟักไข่ประมาณ 12 วัน และช่วยกันเลี้ยงดูลูกอ่อน ลูกนกจับแมลงจุกดำเป็นลูกอ่อนเดินไม่ได้ จะอยู่ในรังประมาณ 7-10 วัน (ศศิธร, 2539) จากนั้นจะทิ้งรังไป
สถานภาพ
เป็นทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพมาช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์ พบบ่อยและปริมาณมาก ชนิดย่อย montana พบทางภาคเหนือ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนเหนือ ชนิดย่อย galerita พบทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ตอนบน และชนิดย่อย prophata พบทางภาคใต้ตั้งแต่คอคอดกระลงไป
กฎหมาย
กฎหมายจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
ลิงค์ข้อมูลเพิ่มเติม
นกจับแมลงจุกดำ
แหล่งที่มาของภาพ
https://download.ams.birds.cornell.edu/api/v1/asset/133723771/1800
https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRXOfNM8xl8rMrvl89sq3Bqil6lp-jMnlOZUEurDC8Jjb0I1wzggw&s
https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTprwyyuiqsrxvWDZcYNRETfHQVAf7xui4n7RyVLdpdIYH6smw-AQ&s