ชะพลู

จาก ระบบฐานข้อมูลพืชสมุนไพรไทย อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี
Wildbetal.png

วงศ์ : PIPERACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Piper sarmentosum Roxb.
ชื่อสามัญ : Wildbetal leafbush
ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่น ๆ : ผักพลูนก, พลูลิง, ปูลิง, ปูลิงนก, ผักปูนา, ผักแค, ผักอีเลิด, ผักนางเลิด, ช้าพลู, นมวา

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น : ลำต้นมีลักษณะตั่งตรง สูงประมาณ 30 - 50 ซม. สีเขียวเข้ม มีข้อเป็นปม แตกกอออกเป็นพุ่ม เติบโตได้ดีในพื้นที่ดินชุ่ม
ใบ : ใบมีสีเขียวสดถึงเขียวแก่ ก้านใบยาว 1 - 3 ซม. ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยว คล้ายรูปหัวใจ ใบกว้าง 5 - 10 เซนติเมตร ยาว 7 - 15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบเว้า ผิวมันออกมัน แทงใบออก 2 ใบตรงข้ามกัน มีเส้นใบประมาณ 7 เส้น แทงออกจากฐานใบ
ดอก : ดอกเป็นช่อ ทรงกระบอก ชูตั้งขึ้น ดอกอ่อนมีสีขาว เมื่อแก่จะออกสีเขียว รูปทรงกระบอก แทงดอกบริเวณปลายยอด และช่อใบ ก้านช่อดอกยาวประมาณ 1.5 ซม. ดอกเป็นดอกแยกเพศ
ผล : ผลเจริญบนช่อดอก มีลักษณะเป็นผลสีเขียว ผิวมัน มีลักษณะกลมเล็กฝังตัวในช่อดอกหลายเมล็ด มักออกดอกมากในฤดูฝน
การขยายพันธุ์ : ชะพลูเป็นพืชที่เติบโตได้ดีในทุกสภาพดิน ชอบดินร่วนซุย มีอินทรียวัตถุมาก และมีความชุ่มชื้น ชอบแสงรำไร จึงมักพบชะพลูโตดีในพื้นที่ชื้น มีร่มเงา โดยเฉพาะบริเวณใต้ร่มไม้ ชะพลูสามารถขยายพันธุ์ด้วยการแยกเหง้าหรือหน่อออกปลูก เหง้าที่แยกอาจเป็นต้นอ่อนหรือต้นแก่เพียง 2 - 3 ต้น ก็สามารถแตกกอใหญ่ได้ การให้น้ำ ควรให้น้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในฤดูแล้งที่มักขาดแคลนน้ำ ส่วนในฤดูฝนต้นชะพลูสามารถเติบโตได้ดีเพียงอาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติ

สรรพคุณ

1. ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ (ใบ)
2. ใบชะพลูมีรสเผ็ดร้อน ช่วยทำให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น (ใบ)
3. ใบชะพลูมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณมากซึ่งช่วยบำรุงและรักษาสายตา ช่วยในการมองเห็น ป้องกันโรคตาบอดตอนกลางคืน แก้โรคตาฟาง เป็นต้น (ใบ)
4. ช่วยยับยั้งและชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง (ใบ)
5. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้ชะพลูสดทั้งต้นประมาณ 7 ต้น นำมาล้างน้ำให้สะอาด ใส่น้ำพอท่วมแล้วต้มให้เดือดสักพัก แล้วนำมาดื่มเป็นชา (ทั้งต้น)
6. ช่วยบำรุงธาตุ แก้ธาตุพิการ (ราก)
7. ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน (ใบ)
8. ช่วยทำให้เสมหะงวดและแห้ง (ดอก, ราก)
9. ช่วยในการขับเสมหะบริเวณทรวงอก ลำคอ (ใบ, ราก, ต้น)
10. ช่วยในการขับเสมหะทางอุจจาระ (ราก)
11. ช่วยในการขับถ่าย เนื่องจากมีเส้นใยในปริมาณมาก (ใบ)
12. ช่วยแก้อาการบิด ด้วยการใช้รากประมาณครึ่งกำมือ ใช้ผลประมาณ 3 หยิบมือ นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 1 ถ้วยแก้ว แล้วนำมาดื่มครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว (ราก)
13. ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง ด้วยการใช้รากประมาณ 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 3 ใน 4 ถ้วยแก้วแล้วรับประทานครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว (ราก, ทั้งต้น)
14. ช่วยขับลมในลำไส้ ด้วยการใช้รากประมาณ 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือ 3 ใน 4 ถ้วยแก้วแล้วรับประทานครั้งละ 1 ส่วน 4 ถ้วยแก้ว (ดอก,ราก)
15. รากชะพลูเป็นหนึ่งในส่วนผสมของตำรับสมุนไพรพิกัดยาตรีสาร ซึ่งช่วยบำรุงธาตุ บำรุงโลหิต แก้คูถเสมหะ
16. เมนูใบชะพลู ได้แก่ แกงคั่วไก่ใบชะพลู แกงคั่วหอยขมใบชะพลู หมูห่อใบชะพลู ไข่น้ำใบชะพลู ยำตะไคร้ใบชะพลู เมี่ยงปลาเผาใบชะพลู ผัดป่าใบชะพลู แกงอ่อมใบชะพลู ยำปลาทูใบชะพลู เป็นต้น

ประโยชน์

1. ใบชะพลูมีรสหวาน เย็น และกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ จึงนิยมนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู อาทิ เมี่ยงคำ แกงอ่อม หรือเป็นผักเคียงทานกับข้าวยำ และน้ำพริกต่างๆ ในภาคอีสานนิยมนำมาทำแกงอ่อม นำมาทำเป็นผักกินกับลาบอีสาน ซึ่งจะให้รสชาติออกเผ็ด เย็นเล็กน้อย

คำแนะนำ

1. ถึงแม้ว่าใบชะพลูจะมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรที่จะบริโภคใบชะพลูติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะใบชะพลูมีแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ปริมาณสูง ซึ่งแคลเซียมออกซาเลตนั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้เกิดโรคนิ่วในไต ดังนั้น ควรดื่มน้ำเปล่ามากๆ เพื่อช่วยเจือจางออกซาเลตในร่างกายให้ลดลง
2. ไม่ควรรับประทานใบชะพลูมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดอาการเวียนศรีษะ และทำให้มีการสะสมของสารออกซาเลท (Oxalate) ในร่างกายสูง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคนิ่วในไต เวลารับประทานควรปรุงร่วมกับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ จะช่วยให้ย่อยง่ายขึ้นในการใช้รักษาโรคเบาหวานจะต้องคอยตรวจน้ำตาลในปัสสาวะก่อนและหลังดื่มน้ำทุกครั้ง เพราะยานี้ทำให้น้ำตาลลดลงเร็วมาก และในการต้มจะต้องเปลี่ยนต้นชะพลูใหม่ทุกวัน

ลิงค์ข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.youtube.com/watch?v=VixTeh1BkJk

>>> ชะพลู <<<


Wildbetal1.png Wildbetal2.png Wildbetal3.png Wildbetal4.png

แหล่งที่มาของภาพ
https://medthai.com/images/2013/07/Wildbetal-Leafbush-1.jpg
https://dy.lnwfile.com/_/dy/_raw/ha/rn/iy.jpg
https://de.lnwfile.com/_/de/_raw/rr/jw/dq.jpg
http://plant.opat.ac.th/wp-content/uploads/2012/07/043-4-ดอก1.jpg
https://www.bloggang.com/data/jekyll-and-hyde/picture/1145272185.jpg