มะรุม

จาก ระบบฐานข้อมูลพืชสมุนไพรไทย อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี
Moringa.png

วงศ์ : MORINGACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Moringa oleifera Lam.
ชื่อสามัญ : Moringa
ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่น ๆ : บะค้อนก้อม, ผักอีฮุม, บักฮุ้ม

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น : ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 15 - 20 เมตร ลำต้นเป็นพุ่มโปร่ง เนื้อไม้อ่อน เปลือกแตกร่อน สีน้ำตาลอ่อนปนเทา กิ่งอ่อนมีขน กิ่งก้านหักง่าย ผิวค่อนข้างเรียบ
ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนก 3 ชั้น ออกเรียงสลับ ยาวราว 45 เซนติเมตร โคนก้านใบประกอบป่องออก ใบย่อยรูปไข่หรือรูปรี กว้าง 0.7 - 2 เซนติเมตร ยาว 1 - 3 เซนติเมตร ปลายใบมน โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ เนื้อใบนิ่มอ่อนบาง หลังใบและท้องใบเรียบ ใบที่อยู่ปลายสุดจะมีขนาดใหญ่กว่าใบอื่น
ดอก : ออกเป็นช่อ ออกตามซอกใบ ดอกย่อยเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ดอกย่อยกลีบดอกสีขาวแกมเหลืองจำนวนมาก กลีบดอกมี 5 กลีบ รูปไข่กลับ ปลายมน แต่ละกลีบมีขนาดไม่เท่ากัน ขนาดดอกโตเต็มที่ประมาณ 1 นิ้ว กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ไม่เท่ากัน คล้ายกลีบดอก เกสรเพศผู้มี 5 อัน เรียงสลับกับเกสรเพศผู้ที่เป็นหมันอีก 5 - 7 อัน รังไข่มี 1 ห้อง
ผล : เป็นฝักทรงกระบอกกลม ยาว 40 - 50 เซนติเมตร ฝักมีรอยคอด ตามแนวเมล็ด และมีสันตามยาว 9 สัน เปลือกฝักหนา ปลายฝักแหลม ฝักแห้งแตกออกเป็น 3 ซีก เมล็ดกลม มีปีก 3 ปีก มีเมล็ดจำนวนมาก
การขยายพันธุ์ : คัดเลือกเมล็ดที่สมบูรณ์ และแก่เต็มที่ หากหาพันธุ์อินเดียจะยิ่งดี เพาะเมล็ดที่เตรียมไว้ลงในถุงเพาะชำ สีดำ มีวัสดุปลูกที่ร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี หลังเมล็ดงอกประมาณ 2 เดือน ต้นกล้าจะเลื้อยและทอดยอดสูง หรือยาวประมาณ 25 เซนติเมตร ให้ใช้มีดคมและสะอาดตัดต้นให้เตี้ยลง เหลือเพียง 12 เซนติเมตร ผูกกับหลักไม้ขนาดพอเหมาะ ให้ต้นตั้งตรง อีกไม่นานต้นกล้าจะแตกยอดใหม่ออกมาด้านข้างใต้รอยตัดลงมาเล็กน้อย

สรรพคุณ

1. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม ไม่ให้หยาบกร้าน
2. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยในการชะลอวัย (น้ำมันมะรุม)
3. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
4. ช่วยรักษาโรคขาดสารอาหารในเด็กแรกเกิดถึงอายุ 10 ขวบ
5. ช่วยลดไขมันและคอเลสเตอรอลในร่างกาย (ฝัก)
6. มีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็ง (ใบ, ดอก, ฝัก, เมล็ด, เปลือกของลำต้น)
7. ช่วยรักษาโรคมะเร็งในกระดูก
8. ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยรังสี การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้อาการแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้น
9. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในร่างกาย
10. ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
11. มะรุมลดความดัน รักษาโรคความดันโลหิตสูง (ใบ, ฝัก)
12. ใช้รักษาโรคหัวใจ (ราก)
13. มะรุมลดน้ำตาล ช่วยรักษาโรคเบาหวานโดยรักษาความสมดุลของระดับน้ำตาล
14. ใช้รักษาโรคหอบหืด (Asthma) (ยาง)
15. ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้
16. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคที่ต่ำลงของผู้ป่วยเอดส์
17. ใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย (ดอก)
18. ช่วยบำรุงธาตุไฟ (ราก)
19. ช่วยคุมธาตุอ่อน ๆ (เปลือกของลำต้น)
20. แก้ลมอัมพาต (เปลือกของลำต้น)
21. ใช้ขับน้ำตา (ดอก)
22. ใช้บำรุงสุขภาพและรักษาดวงตาให้สมบูรณ์
23. ช่วยรักษาโรคตาได้เกือบทุกโรค อย่างเช่น โรคตาต้อ ตามืดมัว เป็นต้น
24. ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคโพรงจมูกอักเสบ
25. น้ำมันมะรุมใช้นวดศีรษะ ฆ่าเชื้อราบนหนังศีรษะ แก้อาการคันหนังศีรษะ ลดผมร่วง (น้ำมันมะรุม)
26. ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ใบ, น้ำมันมะรุม)
27. ใช้แก้ไข้และถอนพิษไข้ (ใบ, ยอดอ่อน, ฝัก, เมล็ด)
28. ใช้แก้อาการไข้หัวลมหรืออาการไข้เปลี่ยนฤดู (ดอก)
29. ช่วยบรรเทาและรักษาอาการหวัด (เมล็ดมะรุม)
30. ช่วยบรรเทาอาการไอเรื้อรังให้ดีขึ้น (เมล็ดมะรุม)
31. ช่วยบรรเทาอาการและลดสิวบนใบหน้า (น้ำมันมะรุม)
32. ช่วยลดจุดด่างดำจากแสงแดด (น้ำมันมะรุม)
33. ใช้รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน (ใบ)
34. ช่วยแก้อาการปวดฟัน (ยาง)
35. ช่วยแก้อาการปวดหู (Earache) (ยาง)
36. น้ำมันมะรุมใช้หยอดหูเพื่อป้องกันและฆ่าพยาธิในหู รักษาโรคหูน้ำหนวก เยื่อบุหูอักเสบ
37. ช่วยรักษาโรคคอหอยพอกชนิดมีพิษ
38. ช่วยรักษาแผลในปากหรือแผลจากโรคปากนกกระจอก
39. นำเปลือกของลำต้นมาเคี้ยวกินเพื่อช่วยย่อยอาหาร (เปลือกของลำต้น)
40. ช่วยขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ (เปลือกของลำต้น)
41. เปลือกของลำต้นมีสรรพคุณช่วยในการคุมกำเนิด (เปลือกของลำต้น)
42. ช่วยบำรุงและรักษาปอดให้แข็งแรง และรักษาโรคปอดอักเสบ
43. รับประทานเมล็ดมะรุมวันละ 1 เมล็ดก่อนนอน ช่วยให้การขับถ่ายในตอนเช้าเป็นไปอย่างปกติและสม่ำเสมอ (เมื่อขับถ่ายเป็นปกติแล้วควรหยุดรับประทาน)
44. ใช้รักษาโรคลำไส้อักเสบ อาการท้องเสีย ท้องผูก
45. ช่วยรักษาและขับพยาธิในลำไส้ (เมล็ดมะรุม)
46. ช่วยในการขับปัสสาวะ (ใบ, ดอก)
47. ช่วยแก้อาการอักเสบ (ใบ)
48. ช่วยรักษาโรคไขข้อ (Rheumatism) (ราก)
49. ช่วยบรรทาอาการของโรคเกาต์ บ้างก็ว่าสามารถใช้รักษาโรคเกาต์ได้
50. ช่วยรักษาโรคกระดูกอักเสบ
51. ช่วยรักษาโรครูมาติสซั่ม
52. ช่วยบำรุงและรักษาโรคตับ ไต
53. น้ำมันมะรุมใช้นวดเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อตามบั้นเอวและขา
54. น้ำมันมะรุมใช้นวดเพื่อกระชับกล้ามเนื้อ
55. ใช้แก้อาการปวดตามข้อ (เมล็ด)
56. แก้อาการบวม (ราก, เมล็ด)
57. ช่วยลดอาการผื่นคันตามผิวหนังและการแพ้ผ้าอ้อมของเด็กทารก (น้ำมันมะรุม)
58. ช่วยรักษาบาดแผล แผลสดเล็ก ๆ น้อย ๆ (ใบ, น้ำมันมะรุม)
59. ช่วยถอนพิษและลดอาการปวดบวมจากแมลงสัตว์กัดต่อย (น้ำมันมะรุม)
60. ใช้เป็นยาปฏิชีวนะ
61. ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (ใบ, ดอก)
62. ใช้รักษาเชื้อราตามผิวหนัง ศีรษะ ตามซอกเล็บ โรคน้ำกัดเท้า (น้ำมันมะรุม)
63. น้ำมันมะรุมใช้ทารักษาหูด ตาปลา
64. ช่วยรักษาโรคเริม งูสวัด
65. ช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ต้านจุลชีพ
66. ช่วยฆ่าเชื้อไทฟอยด์ (ยาง)
67. ช่วยรักษาโรคซิฟิลิส (syphilis) โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคหนึ่ง (ยาง)
68. การรับประทานมะรุมในช่วงตั้งครรภ์จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ HIV ของเด็กทารก
69. ฝักมะรุมนำมาใช้เป็นไม้ตีกลองได้เหมือนกันนะ โดยเฉพาะในแถบอินเดีย
70. ใบสดนำมารับประทานได้ ส่วนใบแห้งนำมาทำเป็นผง
71. เมล็ดบางครั้งนำมาคั่วรับประทานเป็นถั่วได้
72. เมล็ดมะรุมเมื่อนำมาบดละเอียดสามารถนำไปใช้กรองน้ำได้ ทำให้น้ำตกตะกอนและฆ่าเชื้อโรคในน้ำ น้ำที่ได้จะค่อนข้างสะอาดและมีรสออกหวาน
73. น้ำมันที่ได้จากการคั้นเมล็ดสด นำมาใช้เป็นน้ำมันในการปรุงอาหาร
74. น้ำมันมะรุมนำมาใช้ในการปรุงอาหารชนิดเดียวกับน้ำมันมะกอก แต่ดีกว่าตรงที่ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนในภายหลัง
75. น้ำมันมะรุมนำมาใช้เป็นน้ำยาหล่อลื่นต่าง ๆ ประจำบ้านและช่วยป้องกันสนิม
76. นิยมนำมะรุมไปทำเป็นอาหารเพื่อรับประทานเป็นผักอย่างเช่น แกงส้ม แกงลาว แกงอ่อม แกงกะหรี่ ยำฝักมะรุม ส่วนดอกมะรุมลวกรับประทานกับน้ำพริก ส่วนยอดอ่อน ใบอ่อนนำไปต้มสุกรับประทานร่วมกับแจ่ว ลาบ ก้อย
77. นำมาแปรรูปเป็น "มะรุมแคปซูล" สำหรับเป็นทางเลือกให้ผู้ที่ไม่ชอบรับประทานผัก แต่อยากได้คุณประโยชน์ทางด้านสมุนไพร
78. นำมาสกัดเป็นน้ำมันมะรุม ซึ่งมีคุณประโยชน์ที่หลากหลาย

ประโยชน์

1. แกงอ่อมยอดมะรุม เตรียมข้าวคั่วป่น หั่นหมู ยอดมะรุม ผักชีลาว เตรียมไว้ จากนั้นนำพริก กระเทียม ข่า ตะไคร้ หอมแดง มาโขลกรวมกัน เอาน้ำใส่หม้อขึ้นตั้งไฟ ใส่เครื่องแกงที่โขลกไว้ลงไป เมื่อน้ำเริ่มเดือดใส่หมู ใส่ข้าวคั่ว เกลือ ใบมะกรูด น้ำปลาร้า ปรุงรสแล้วคนจนเข้ากัน รอจนน้ำเดือด ใส่ผักชี ยอดมะรุมลงไป คนสักครู่แล้วปิดไฟ พร้อมตักเสิร์ฟ
2. แกงอ่อมยอดมะรุม เตรียมข้าวคั่วป่น หั่นหมู ยอดมะรุม ผักชีลาว เตรียมไว้ จากนั้นนำพริก กระเทียม ข่า ตะไคร้ หอมแดง มาโขลกรวมกัน เอาน้ำใส่หม้อขึ้นตั้งไฟ ใส่เครื่องแกงที่โขลกไว้ลงไป เมื่อน้ำเริ่มเดือดใส่หมู ใส่ข้าวคั่ว เกลือ ใบมะกรูด น้ำปลาร้า ปรุงรสแล้วคนจนเข้ากัน รอจนน้ำเดือด ใส่ผักชี ยอดมะรุมลงไป คนสักครู่แล้วปิดไฟ พร้อมตักเสิร์ฟ
3. ต้มจืดมะรุม เด็ดยอดมะรุม รูดใบ ตำกระเทียม พริกไทย รากผักชีจนละเอียด เอาหมูลงไปโขลกด้วย นำน้ำใส่หม้อตั้งไฟจนเดือด ใส่ผงซุปไก่ลงไป เมื่อน้ำเริ่มเดือดใส่หมูที่เตรียมไว้ ใส่กุ้งแห้งลงไป ใส่ยอดมะรุม ใส่ผักชีลงไป พร้อมตักเสิร์ฟ
4. ไข่เจียวมะรุม นำไข่ไก่มาตอกใส่ชามแล้วตีผสมกับน้ำปลา จากนั้นก็ใส่ใบมะรุมที่เด็ดเป็นใบแล้วลงไป ใส่น้ำมันตั้งกระทะรอจนเริ่มร้อนก็เทไข่เจียวที่ตีไว้ลงไปทอด เมื่อไข่เจียวสุกทั้งสองด้านก็ตักใส่จานพร้อมกิน

คำแนะนำ

1. มะรุมมีพิษที่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคเลือดเพราะทำให้เม็ดเลือดแตกง่าย
2. หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานมากเกินไปเพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการแท้งลูกได้สูง
3. ผู้ป่วยโรคเกาต์ไม่ควรรับประทานมากเกินไปเพราะอาจก่อให้เกิดผลเสียได้
4. สำหรับผู้ที่รับประทานมะรุมต่อเนื่องเป็นเวลาควรตรวจการทำงานของตับ เนื่องจากผู้ป่วยบางรายที่ใช้มะรุมติดต่อกันเป็นระยะเวลานานพบเอนไซม์เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นควรใส่ใจกับข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณด้วย
5. ควรเลือกใบที่ไม่แก่หรือไม่อ่อนเกินไป รับประทานสดๆ และไม่ถูกความร้อนมากเกินไปเพื่อให้ได้ประโยชน์จากสารอาหารเต็มที่

ลิงค์ข้อมูลเพิ่มเติม

https://www.youtube.com/watch?v=FwadC8QfYZw

>>> มะรุม <<<


Moringa1.png Moringa2.png Moringa3.png Moringa4.png

แหล่งที่มาของภาพ
https://s.isanook.com/he/0/ud/1/6361/moringa.jpg
http://www.biogang.net/upload_img/biodiversity/biodiversity-221607-4.jpg
http://www.bookmuey.com/images/Moringa00002.jpg
http://www.senseofkrabi.com/wp-content/uploads/2013/12/DSCF9820-620x350.jpg
https://file.sogoodweb.com/upload/156/g4j0s7Lo45.jpg