กระเทียม
วงศ์ : AMARYLLIDACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Allium sativum L.
ชื่อสามัญ : Garlic
ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่น ๆ : กระเทียมขาว, กระเทียมจีน, ปะเซ้วา, หอมขาว, หอมเทียม, หัวเทียม
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น : เป็นพืชไม้ล้มลุก มีความสูงประมาณ 30 - 45 ซ.ม. มีหัวกลมที่ประกอบด้วยกลีบ 4 - 15 กลีบ อยู่ใต้พื้นดิน หากมีเพียงกลีบเดียวจะเรียก “กระเทียมโทน” กลีบถูกห่อหุ้มด้วยเปลือกสีขาว
ใบ : มีลักษณะแบนยาวเรียวและปลายแหลม ทำโค่งและซ้อนกันเป็นชั้นๆแต่ข้างในกลวง เป็นใบเดี่ยว จะมีรอยคล้ายๆรอยพับเป็นแนวยาวตลอด
ดอก : ดอกจะเป็นสีขาวออกชมพูม่วง และจะออกเป็นกระจุกติดกันคล้ายช่อ จะมีกลีบดอกทั้งหมด6กลีบยาวประมาณ 6 - 7มม. มีลักษณะยาวแหลม ก้านดอกจะยาวและมีกาบห่อหุ้มอยู่เป็นจะงอย ส่วนอับเกสรจะหันออกด้านนอก
ผล : ผลขนาดเล็กเป็นกระเปาะสั้นๆ รูปไข่หรือค่อนข้างกลม มี 3 พู เมล็ดเล็ก สีดำ
การขยายพันธุ์ : นิยมปลูกโดยใช้กลีบนอกในการปลูก จะให้กระเทียมหัวใหญ่และผลผลิตสูง วิธีการเลือก คือให้เลือกใช้หัวที่แก่จัดและแห้งสนิท ไม่ควรเลือกใช้หัวเก่าที่เก็บไว้นาน แกะเปลือกและแต่งรากเล็กน้อย รดน้ำใส่ดินให้ฉ่ำ จากนั้นนำกลีบกระเทียมจิ้มลงไปโดยเอาส่วนรากลงลึกประมาณ 2 ใน 3 ส่วนของกลีบ หลังปลูกใช้ฟางคลุมเพื่อควบคุมวัชพืช เก้บความชื้น และช่วยลดความร้อนในตอนกลางวัน
สรรพคุณ
- 1. ช่วยบำรุงผิวหนังให้มีสุขภาพดีและแข็งแรง
- 2. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย
- 3. ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
- 4. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
- 5. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด
- 6. ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย
- 7. ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ อาการมึนงง ปวดศีรษะ หูอื้อ
- 8. ช่วยในเรื่องระบบสืบพันธุ์และระบบทางเดินปัสสาวะ เพราะมีสารที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนทั้งหญิงและชาย ช่วยทำให้มดลูกบีบตัว เพิ่มพละกำลังให้มีเรี่ยวแรง
- 9. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต
- 10. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
- 11. ช่วยต่อต้านเนื้องอก
- 12. ช่วยแก้ปัญหาผมบาง ยาวช้า มีสีเทา
- 13. ช่วยป้องกันการเกิดและรักษาโรคโลหิตจาง
- 14. ช่วยในการขับพิษและสารพิษอันตรายที่ปนเปื้อนในเม็ดเลือด
- 15. ช่วยป้องกันผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว
- 16. สารสกัดน้ำมันกระเทียมมีสารที่มีส่วนช่วยในการละลายลิ่มเลือด
- 17. ช่วยป้องกันการเกิดเส้นเลือดอุดตัน
- 18. มีสารต่อต้านไม่ให้เม็ดเลือดแดงแตก
- 19. ช่วยบรรเทาอาการไอ น้ำมูกไหล ป้องกันหวัด
- 20. ช่วยรักษาโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
- 21. ช่วยรักษาอาการเยื่อบุจมูกอักเสบและไซนัส
- 22. ช่วยรักษาโรคไอกรน
- 23. ช่วยแก้อาการหอบ หืด
- 24. ช่วยรักษาโรคหลอดลม
- 25. ช่วยระงับกลิ่นปาก
- 26. ช่วยในการขับเหงื่อ
- 27. ช่วยในการขับเสมหะ
- 28. ช่วยควบคุมโรคกระเพาะ ด้วยสารที่ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำย่อยอาหารมาย่อยแผลในกระเพาะ
- 29. ช่วยในการขับลม
- 30. ช่วยรักษาอาการจุกเสียดแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ
- 31. ช่วยป้องกันโรคท้องผูก
- 32. ช่วยรักษาโรคบิด
- 33. ช่วยในการขับปัสสาวะ
- 34. ช่วยในการขับพยาธิได้หลายชนิด เช่น พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย พยาธิเข็มหมุด พยาธิไส้เดือน เป็นต้น
- 35. ช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบชนิดรุนแรงได้
- 36. ช่วยป้องกันการเกิดโรคไต
- 37. ช่วยฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ รวมถึงเชื้อราตามหนังศีรษะและบริเวณเล็บ
- 38. ช่วยยับยั้งเชื้อต่าง ๆ เช่น เชื้อที่ทำให้เกิดฝีหนอง คออักเสบ เชื้อปอดบวม เชื้อวัณโรค เป็นต้น
- 39. ช่วยกำจัดพิษจากสารตะกั่ว
- 40. ช่วยรักษากลาก เกลื้อน
- 41. ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ บำรุงข้อต่อและกระดูกในร่างกาย
- 42. บรรเทาอาการปวดข้อและปวดเมื่อยตามร่างกาย
- 43. ช่วยแก้อาการเคล็ดขัดยอกและเท้าแพลง เพราะมีสารที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมายังบริเวณที่นวดยาได้ดีมากขึ้นนั่นเอง
- 44. มีสารต้านอาการไขข้ออักเสบ โรคข้อรูมาติสซั่ม
- 45. กระเทียมมีกลิ่นฉุนจึงสามารถช่วยไล่ยุงได้เป็นอย่างดี
- 46. ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย เพิ่มความยากอาหาร
ประโยชน์
- 1. ประโยชน์หลัก ๆ ของกระเทียมคงหนีไม่พ้นการนำมาใช้เพื่อช่วยปรุงรสชาติของอาหาร ไม่ว่าจะใช้ผัด แกง ทอด ยำ ต้มยำ หรือน้ำพริกต่าง ๆ อีกสารพัด
- 2. กระเทียมเป็นเครื่องสมุนไพรที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด และยังเป็นพืชที่ธาตุซีลีเนียมสูงกว่าพืชชนิดอื่น ๆ อีกทั้งยังมีสารอะดีโนซีน (Adenosine) ซึ่งเป็นกรดนิวคลีอิกที่เป็นตัวสร้าง DNA และ RNA ของเซลล์ในร่างกาย
- 3. นอกจากนี้ยังมีการนำกระเทียมไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างหลากหลาย เช่น กระเทียมเสริมอาหาร กระเทียมสกัดผง สารสกัดน้ำมันกระเทียม กระเทียมดอง เป็นต้น
คำแนะนำ
- 1. กระเทียมยิ่งสดเท่าไหร่ก็ยิ่งมีสรรพคุณที่ดีมากขึ้นเท่านั้น แต่สำหรับกระเทียมที่ผ่านความร้อนด้วยวิธีการต่าง ๆ หรือผ่านการหมักดอง จะทำให้วิตามินและสารอัลลิซินที่มีอยู่ในกระเทียมนั้นสลายตัวไป
- 2. วิตามินและแร่ธาตุที่อยู่ในกระเทียมนั้น จะมีมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับดินและสภาพอากาศที่ใช้ในการเพาะปลูกอีกด้วย
- 3. สำหรับหญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดเป็นปกติ มีระดับความดันโลหิตเป็นปกติ ผู้ที่มีอาการของเลือดหยุดไหลช้า รวมไปถึงผู้ที่ใช้ยาอื่น ๆ เป็นประจำ เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบ ยาต้านไวรัส คุณไม่ควรรับประทานกระเทียมหรือผลิตภัณฑ์กระเทียมเสริมในปริมาณที่มากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้เป็นโทษต่อร่างกายได้
- 4. สำหรับผู้ที่ได้รับกลิ่นของกระเทียมเป็นประจำ อาจทำให้เกิดอาการแพ้กระเทียมเมื่อรับประทานได้ โดยอาจจะมีอาการคลื่นไส้ และมีอาหารหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติ แต่อาการดังกล่าวจะค่อย ๆ หายไปเองภายในเวลา 3-4 ชั่วโมง ซึ่งกระเทียมที่นำมาใช้ในการประกอบอาหารมักจะก่อให้เกิดอาการแพ้ได้น้อยกว่ากระเทียมแบบสด ๆ
- 5. สำหรับผู้ที่อยู่ในครัวหรือผู้ต้องใช้มือสัมผัสกับกระเทียมเป็นประจำและเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ มีตุ่มน้ำได้ ดังนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกระเทียมโดยตรงเป็นประจำด้วยการสวมถึงมือทุกครั้งในขณะที่จะใช้กระเทียม
- 6. แม้ว่ากระเทียมจะเป็นพืชที่มีสรรพคุณอยู่มากมาย แต่คุณก็ไม่ควรที่จะเลือกใช้กระเทียมเพื่อหวังผลในการรักษาอาการหรือโรคใดโรคหนึ่ง อีกทั้งผลลัพธ์ที่ได้ในแต่ละบุคคลก็อาจจะแตกต่างกันออกไป ดังนั้นคุณควรเลือกรับประทานให้หลากหลายและครบ 5 หมู่ จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะพืชผักสมุนไพรทั่ว ๆ ไป ถ้าศึกษากันจริง ๆ แล้ว มันก็มีประโยชน์ไม่น้อยไปกว่ากันเลย
- 7. ปัจจุบันในบ้านเรายังไม่มีการรับรองว่ากระเทียมนั้นจะสามารถรักษาโรคได้จริง คงเป็นได้เพียงแต่สมุนไพรทางเลือกในการรักษาและสมุนไพรเสริมสุขภาพเท่านั้น
ลิงค์ข้อมูลเพิ่มเติม
>>> กระเทียม <<<




แหล่งที่มาของภาพ
https://health.mthai.com/app/uploads/2018/06/garlic-2.jpg
http://postnoname.com/wp-content/uploads/2018/06/garlic6.jpg
https://gb.lnwfile.com/_/gb/_raw/a4/r2/jx.jpg
https://vegetweb.com/wp-content/download/2016/04/ดอกกระเทียม.jpg
https://www.prachachat.net/wp-content/uploads/2019/04/99F08487-F9E3-40C0-9032-04399DACD25E.jpeg