ชะเอมเทศ
วงศ์ : FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Glycyrrhiza glabra L.
ชื่อสามัญ : Licorice, Chinese licorice, Russian licorice, Spanish licorice
ชื่อพื้นเมืองหรือชื่ออื่น ๆ : กำเช่า, กำเช้า, กันเฉ่า, ชะเอมจีน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น : จัดเป็นไม้พุ่มที่มีอายุนาน มีลำต้นสูงประมาณ 1 - 2 เมตร
ใบ : ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับกัน มีใบย่อยประมาณ 9 - 17 ใบ มีสีเขียวอมเหลือง ส่วนก้านใบย่อยจะสั้นมาก
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ กลีบดอกเป็นสีม่วงอ่อน ๆ ส่วนก้านดอกสั้นมาก
ผล : ผลมีลักษณะเป็นฝักแบน ผิวภายนอกมีลักษณะเรียบ
การขยายพันธุ์ : การปลูกต้องตอนเอากิ่งไปปลูกหรืออาจจะใช้เมล็ดเพาะ
สรรพคุณ
- 1. รากช่วยบำรุงร่างกาย (ราก)
- 2. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายและช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากรากชะเอมเทศมีสารสำคัญอย่าง กลีเซอไรซิน (Glycyrrhizin) และสารเคมีอื่น ๆ อีกหลายร้อยชนิด เช่น ไฟโตเอสโตรเจนและฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ (ราก)
- 3. เปลือกต้นและผลมีรสหวานใช้เป็นยาบำรุงกำลัง (เปลือกต้น, ผล)
- 4. ช่วยแก้อาการอ่อนเพลียจากการตรากตรำทำงานหนัก (ราก) บรรเทาอาการอ่อนเพลียเรื้อรังและอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง (ไม่ระบุส่วนที่ใช้ แต่เข้าใจว่าเป็นราก)
- 5. ช่วยสงบประสาท มีฤทธิ์กล่อมประสาท กดระบบประสาทส่วนกลาง (ราก)
- 6. ช่วยเจริญซึ่งหทัยวาตให้สดชื่น (ราก)
- 7. ช่วยกระจายลมเบื้องบนและลมเบื้องล่าง (ต้น)
- 8. ช่วยแก้อาการไอเป็นไข้ ลดไข้ ต้านมาลาเรีย (ราก) ลดไข้ (ราก)
- 9. สำหรับผู้ที่มีอาการไอไม่หยุด เนื่องจากเป็นภูมิแพ้และมีอาการกระหายน้ำอย่างรุนแรง ให้ใช้ชะเอมเทศแห้ง 4 กรัม (ไม่ระบุว่าเป็นส่วนไหน แต่เข้าใจว่าเป็นราก), โสมคนแห้ง 3 กรัม, ขิงแห้ง 5 กรัม, และพุทราแดงจีนแห้ง 5 กรัม (หาซื้อได้ตามร้านขายยาจีน) นำมาห่อให้ผ้าขาวบางแล้วมัดไว้ให้แน่นต้มน้ำจนเดือดหรือแช่ในน้ำร้อนจนเนื้อยาออก แล้วนำมาดื่มเมื่อมีอาการไอหรือใช้ดื่มต่างน้ำแบบจิบบ่อย ๆ จะช่วยลดอาการดังกล่าวได้
- 10. ช่วยระบายความร้อนและช่วยขับพิษ (ราก)
- 11. ทำให้มีอาการคลื่นเหียนอาเจียน (เปลือกต้น)
- 12. ช่วยรักษาอาการเบื่อเมา (ราก)
- 13. ช่วยรักษากำเดาให้เป็นปกติ (ราก)
- 14. ชะเอมเทศ ช่วยบรรเทาอาการของโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ (ไม่ระบุส่วนที่ใช้ แต่เข้าใจว่าเป็นราก)
- 15. ช่วยทำให้ชุ่มคอและแก้อาการไอ (ราก)
- 16. ช่วยทำให้ชุ่มชื้น แก้อาการคอแห้ง (ผล, ราก)
- 17. รากสดใช้รักษาอาการเจ็บคอ (ราก) หรือใช้เข้าในตำรายาร่วมกับสมุนไพรอื่น ช่วยแก้อาการคอบวม อักเสบ (ราก)
- 18. ช่วยทำให้เสมหะในคอแห้ง (ใบ)
- 19. ช่วยขับเสมหะ (ราก)
- 20. ช่วยแก้เสมหะเป็นพิษ (ราก)
- 21. รากใช้ปรุงเป็นยาแก้น้ำลายเหนียว (ราก)
- 22. ช่วยบำรุงหัวใจ (ราก)
- 23. ช่วยเสริมชี่ ทำให้การเต้นของชีพจรมีแรงและกลับคืนสภาพปกติ รักษาชี่ของหัวใจพร่อง (กำเช่าผัดน้ำผึ้ง)
- 24. ช่วยแก้อาการใจสั่น (ราก)
- 25. ช่วยแก้เส้นเอ็นและชีพจรตึงแข็ง ทำให้ชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอและชีพจรเต้นหยุดอย่างมีจังหวะ (กำเชาผัดน้ำผึ้ง)
- 26. รากชะเอมเทศมีรสชุ่ม ใช้เป็นยาบำรุงปอด (ราก)
- 27. ช่วยแก้อาการปวดท้อง (ราก, กำเช่าผัดน้ำผึ้ง)
- 28. ช่วยขับลม (ราก)
- 29. ช่วยป้องกันและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร (ราก)
- 30. ช่วยในการย่อยอาหาร แก้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีหรืออาหารเป็นพิษ (ราก)
- 31. ช่วยบำรุงม้ามและกระเพาะอาหาร (กำเช่าผัดน้ำผึ้ง)
- 32. ช่วยขับเลือดที่เน่าเสียในท้อง (ราก)
- 33. ในประเทศญี่ปุ่นมีการใช้สารสกัดดจากรากชะเอมเทศเพื่อใช้รักษาโรคตับอักเสบมานานกว่า 20 ปีแล้ว และยังมีการศึกษาทางคลินิกพบว่ารากชะเอมเทศนั้นสามารถช่วยลดระดับเอนไซม์ตับ (Amino-Transferase) ซึ่งทำให้เซลล์ตับดีขึ้น
- 34. ช่วยทำให้ร่างกายฟื้นตัวจากไวรัสตับอักเสบได้เร็วขึ้น (ไม่ระบุส่วนที่ใช้ แต่เข้าใจว่าเป็นราก)
- 35. ใบชะเอมเทศใช้เป็นยารักษาดีพิการ (ใบ)
- 36. ช่วยรักษาพิษของฝีดาษ (ดอก)
- 37. ช่วยรักษาแผลเรื้อรัง (ราก)
- 38. ดอกชะเอมเทศใช้แก้อาการคัน (ดอก, ราก)
- 39. ช่วยรักษาผื่นเอ็กซีมา โดยครีมชะเอมเทศนั้นสามารถนำมาใช้ทาเพื่อรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากผื่นเอ็กซีมาได้ (มะบุว่าทำจากส่วนไหน แต่เข้าใจว่าทำจากราก)
- 40. รากชะเอมเทศมีฤทธิ์ช่วยแก้อาการปวด ช่วยลดอาการอักเสบต่าง ๆ (ราก)
- 41. รากมีฤทธิ์ช่วยต้านไมโครแบคทีเรีย อะมีบา เชื้อรา เชื้อไวรัส ไวรัสของพืช ยีสต์ พยาธิไส้เดือน ขับพยาธิตัวตืด ช่วยยับยั้งการสร้างอะฟลาทอกซิน และช่วยลดอาการฟันผุ (ราก)
- 42. ใช้รักษาพิษจากยาหรือพิษจากพืชชนิดต่าง ๆ (ราก)
ประโยชน์
- 1. รากชะเอมเทศมีสารสำคัญคือสาร Glycyrrhizin (Glycyrrhizic acid หรือ Glycyrrhizinic acid) และสาร 24 - hydroxyglyrrhizin โดยสารเหล่านี้เป็นสารที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 50 - 100 เท่า จึงถูกนำมาใช้เพื่อแต่งรสชาติอาหาร ใช้แต่งรสหวานในขนมและลูกอม ใช้ปรุงเป็นยาสมุนไพร ใช้แต่งกลิ่นรสยาให้หวานและช่วยกลบรสยา (เนื่องจากในรากจะมีแป้งและความหวานอยู่มาก ควรเก็บไว้อย่าให้แมลงหรือมอดมากิน เพราะถ้าผุจะทำให้เสื่อมคุณภาพลงได้)
- 2. ชะเอมเทศยังสามารถนำมาใช้เป็นไวต์เทนนิงจากธรรมชาติได้อีกด้วย โดยสารสกัดที่ได้จากรากนั้นมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยลดความเข้มของเม็ดสี ลดฝ้ากระบนใบหน้า ช่วยทำให้ผิวหน้าสว่างกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และช่วยลดและต้านการอักเสบของผิว จึงสามารถนำมาใช้ทดแทนสารเคมีที่ช่วยทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสได้ แถมยังไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวหน้าและไม่ก่อให้เกิดเป็นสิวอุดตันอีกด้วย
- 3. เนื่องจากชะเอมเทศมีสรรพคุณช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้กับลำคอและกล่องเสียง จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มนักร้อง นักพูด หรือผู้ที่ต้องใช้เสียงเป็นประจำ เนื่องจากชะเอมเทศนั้นจะช่วยกระตุ้นการสร้างสารหล่อลื่นในบริเวณลำคอเหนือกล่องเสียงได้เป็นอย่างดี
- 4. ชะเอมเทศเป็นสมุนไพรที่นักกีฬาหรือผู้ใช้แรงงานนิยม โดยมักถูกนำไปเป็นส่วนผสมในตำรับยาสมุนไพรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรับยาบำรุงกำลังไปจนถึงตำรับยาทั่วไป เนื่องจากชะเอมเทศเป็นสมุนไพรที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง รวมไปถึงการช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบย่อยอาหาร ช่วยในระบบการเผาผลาญภายในร่างกาย ช่วยในเรื่องการดูดซึมสารอาหาร และยังช่วยในการสร้างเม็ดเลือดอีกด้วย
คำแนะนำ
- 1. การรับประทานผลิตภัณฑ์หรือมีส่วนผสมจากชะเอมเทศติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลทำให้ความดันโลหิตสูง (190 - 200/120 มม.ปรอท) อีกทั้งยังมีอาการปวดหัว อ่อนแรงตามข้อต่อ และส่งผลทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำลง ดังนั้นผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงหรือผู้ที่มีภาวะของโพแทสเซียมต่ำไม่ควรใช้ชะเอมเทศในขนาดที่เกินกว่า 50 กรัมต่อวัน นานเกินกว่า 6 สัปดาห์ เพราะอาจจะส่งผลทำให้เกิดการสะสมน้ำในร่างกาย เกิดอาการบวมที่มือและเท้า และไม่ควรใช้ชะเอมเทศร่วมกับยาขับปัสสาวะ (กลุ่ม Thiazide) หรือยากลุ่ม Cardiac glycosides เนื่องจากชะเอมเทศจะส่งผลทำให้สารโพแทสเซียมถูกขับออกมามากขึ้น และควรหลีกเลี่ยงการใช้ชะเอมเทศร่วมกับยาขับปัสสาวะ Spironolactone หรือ Amiloride เพราะจะทำให้ประสิทธิผลของการรักษาโรคความดันโลหิตลดน้อยลง
- 2. นอกจากจะห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและผู้ที่เลือดมีระดับโพแทสเซียมต่ำแล้ว ยังรวมไปถึงผู้ป่วยที่เป็นโรคตับแข็ง ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตบกพร่องเรื้อรัง รวมไปถึงสตรีมีครรภ์อีกด้วยที่ไม่ควรใช้สมุนไพรชะเอมเทศ
- 3. ชะเอมเทศมีพิษน้อย แต่การรับประทานติดต่ออย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและมีอาการบวมเกิดขึ้นตามมาได้




แหล่งที่มาของภาพ
https://www.pobpad.com/wp-content/uploads/2018/03/ชะเอมเทศ.jpg
https://medthai.com/images/2013/11/ต้นชะเอมเทศ.jpg
https://cv.lnwfile.com/_/cv/_raw/ex/7s/43.jpg
https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1543633587829.jpg
http://www.xn--03camj5ak4hpc.com/wp-content/uploads/2016/01/ชะเอมเทศ.สาระเร็ว.jpg